เยอรมันนีหลังแพ้สงครามก็ถูกจำกัดสิทธิการใช้อาวุธหลายๆอย่าง เพราะงั้นฝ่ายวิจ้ยทางทหารได้พยายามค้นคว้าอาวุธใหม่ที่ไม่อยู่ในข้อจำกัดสนธิสัญญาแวร์ซายส์ พวกเขาตั้งเป้าว่า "มันนะเป็นอาวุธวิถีไกลที่มีพลังงานในตัวของมันเอง และควบคุมให้ไปในทิศทางเป้าหมายได้ในระยะไกล"
โครงการนี้ได้เริ่มขึ้นก่อนที่ฮิตเลอร์จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยมีเวอร์เนอร์ฟอนเบราน์เป็นผู้คิดค้นซึ่งเขามีความคิดเพียงแค่ให้มันเป็นใบเบิกทางสู่อนาคตของการสำรวจอวกาศก่อนที่รัฐบาลเยอรมันเริ่มสนับสนุนการวิจัยจรวดในปี 1932 เพราะเชื่อว่าจรวดสามารถใช้เป็นอาวุธได้
แต่หลังจากที่ฮิตเลอร์เข้ารับตำแหน่งเมื่อน้นปี 1933 เมื่อได้รับรายงาน เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับโครงการนี้มากนัก เขามีความเชื่อทางทหารดั้งเดิมเชื่อในอาวุธธรรมเนียมนิยมเช่น รถถัง ปืนใหญ่ เรือรบ และเครื่องบินรบ จึงทำให้โครงการนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก
จรวดนำวิถี คือเรื่องไกลเกินจะฝันในยุคนั้น ไม่มีใครเชื่อว่ามันจะทำได้และใช้ในสงครามได้จริงในระยะ 10 ถึง 20 ปี
แต่กระนั้น นักวิทยาศาสตร์และฝ่ายวิจัยทางการทหารก็ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมพักโครงการนักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรได้มุ่งเน้นวิจัยและผลิตจรวดนำวิถีที่ใช้เครื่องยนต์กังหันไอพ่นและเชื้อเพลิงเหลว
และแล้วฝ่ายวิจัยการทางทหารก็ประสบความสำเร็จในการสร้าง จรวดนำวิถีเครื่องที่ด้วนเครื่องยนต์ไอพ่น V-1 หรือชื่อเต็ม Vergeltungswaffe-1 และเมื่อทดลอง มันก็ใช้ได้จริงๆ
หลังฝ่ายสัมพันธมิตรยกทัพขึ้นบกที่หาดนอร์มังดีได้ในวันที่ 6 มิถุนายน 1944 เยอรมันเลยคิดแก้เผ็ด 13 มิถุนายน เพียง 1 อาทิตย์หลัง D-Day ลอนดอนก็ถูกอาวุธที่โลกไม่เคยรู้ยักถล่มยับ มันเป็นจรวดนำวิธีขับเคลื่อนด้วยเครื่องไอพ่นของตัวเอง การปล่อยอาวุธชิ้นนี้ต้องใช้วิธีตั้งฐานยิงเอียงลาดจากนั้นก็จุดชนวนให้มันพุ่งไปสู้ท้องฟ้าเข้าหาเป้าหมายในระยะไกล ทั้งยังมีระบบนำร่องบังคับทิศทางจากระยะไกลไม่ต้องมีคนขับ ภายในจรวดบรรทุกระเบิดน้ำหนัก 850 กิโลกรัมเคลื่อนที่แหวกอากาศความเร็วกว่า 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ตั้งแต่วันที่เริ่มโจมตี ตลอดหลายสิบเดือนจนฐานยิงสุดท้ายโดนทำลายในวันที่ 29 มีนาคม 1945 กรุงลอนดอนและเมืองสำคัญหลายเมืองถูก V-1 ถล่มเกือบหมื่นลูก บางวัน ในวันเดียวลอนดอนโดนไปสองลูก
รวมแล้วมีคนตายและบาดเจ็บทั้งสิน 22,000 คน เกือบทั้งหมดคือพลเรือน ทำให้สัมพันธมิตรต้องเสียเวลาทำลายเครื่องยิงที่เรียงอยู่ตามชายฝั่งฝรั่งเศษแบะเบลเยี่ยม
และที่ทรงพลังกว่าจรวด V-1 คือจรวด V-2 อันเป็นจรวดลูกแรกของโลก มีความยาว 14 เมตร หนัก 12.5 ตัน เคลื่อนตัวด้วยแก๊สเหลว ทะยานสู้ท้องฟ้าได้ด้วยความเร็วเหนือเสียง 5,760 กิโลเมตร
ในวันที่ 3 ตุลาคม 1942 ขณะที่กองทัพเยอรมันวุ่นวายกับปฏิบัติการ บาร์บารอสซา ฝ่ายวิจัยทางทหารนำโดยนายพลวอลเตอร์ ดอร์นแบร์เกอร์ได้ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในการยิงจรวด V-2 ขึ้นจากฐานยิงหลังสองครั้งแรกล้มเหลว
หลังจากการยิงจรวจ V-2 สำเร็จมีบันทึกว่า "3 ตุลาคม 1942 เป็นวันเปิดศักราชใหม่ของการขนส่ง นั่นคือ การเดินทางสู้ห้วงอวกาศ" แต่อย่างไรก็ดี ฮิตเลอร์ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะวุ่นกับสงครามโจมตีโซเวียดจึงไม่ได้สั่งการเร่งการผลิต แต่เมื่อเยอรมันเสียท่าให้สัมพันธมิตรยกพลขึ้นฝั่ง กองทัพก็งัดไม้ตาย V-2 เอามาใช้สร้างความเสียหายให้อังกฤษตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 1944 จนเกือบจบสงคราม ขณะที่สัมพันธมิตรสร้างอาวุธต่อต้านอากาศยานจรวด V-1 ได้แต่สำหรับความเร็วเหนือเสียงของ V-2 นั้นยากที่จะหยุดได้ ทำให้สัมพันธมิตรต้องเสียเวลาพอสมควรในการทำลายถล่มฐานยิง
เรื่องนี้เองที่ทำให้ฮิตเลอร์เสียน้ำตาเพราะเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า หากให้ความสำคัญกับโครงกาศนี้ ผลของสงครามก็ไม่น่าจะเลวร้าย
เขียนและเรียบเรียงโดย Achiroto