หากใครนั้นเป็นผู้ที่ชื่นชอบหรือเคยดูหนังสงคราม หรือเล่นเกมที่เกี่ยวกับสงคราม หากโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องบินแล้ว เราได้ยินหรือคุ้นหูกับคำว่า “Dogfight” อย่างแน่นอนเลยล่ะครับ
Dogfight คืออะไร ? หากอธิบายกันแบบง่ายๆ ตรงนิยาม การ Dogfight คือการรบของ “เครื่องบินขับไล่” ที่มีลักษณะการต่อสู้กันในระยะประชิดหรือสายตาของนักบินมองเห็นครับ ซึ่งบ่อยครั้งนั้นมักจะเป็นการต่อสู้ที่พันตูกันและจบด้วยการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ หรือง่ายๆ ก็คือ “กัดไม่ปล่อย” เสมือนสุนัขที่ต่อสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งจนกลายเป็นที่มาของชื่อนี้นั่นเอง ซึ่งนิยามนี้ได้กล่าวครั้งแรกในหนังสือ Fly Papers เขียนโดย A. E. Illingworth ในปี 1919
ตั้งแต่สิ่งที่เรียกว่า “เครื่องบิน” ได้ถูกพัฒนาและบุกเบิกมากขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งก็ทำให้เกิดความแปลกใหม่ต่อระบบการเดินทางพาหนะครับ ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องบินนั้นก็ได้มากลายเป็น “เครื่องมือทางการทหาร” ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราจะเห็นได้จากการนำเครื่องบินมาใช้ในการเป็นอุปกรณ์สอดแนมทางยุทธศาสตร์ซึ่งถูกใช้ที่ตริโปลีในลิเบีย ระหว่างช่วงสงครามอิตาเลียน – เติร์ก (Italo-Turkish War) ในปี 1911 ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำเครื่องบิน “ใช้ในวัตถุประสงค์ทางการทหาร” ครั้งแรกของประวัติศาสตร์การรบแต่ในช่วงนั้นก็ยังไม่มีการปะทะกับฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด
ต่อมาในช่วงปฏิวัติเม็กซิโก (Mexican Revolution 1910 – 1920) ก็มีการนำเครื่องบินมาใช้ในการสอดแนมเช่นกัน แต่จนกระทั่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 1913 เครื่องบินสอดแนมของฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มต่อต้านได้โอกาสมาพบกันและปะทะกัน ซึ่งเป็นการปะทะกันระหว่างนักบินทหารรับจ้างนามว่า ดีน อิวาน ลัมบ์ (Dean Ivan Lamb) กับ ฟิล เรเดอร์ (Phil Rader) ซึ่งในการปะทะกันครั้งแรกนี้ ทั้งสองฝ่ายใช้ “ปืนพก” ของตนยิงสวนกันไปมาโดยพยายามยิงให้เครื่องบินอีกฝ่ายเสียหาย แต่สุดท้ายนั้นทั้งสองฝ่ายยอมถอยออกไปเพราะว่ากระสุนของนักบินทั้งสองนั้นหมดทั้งคู่ แต่เหตุการณ์การปะทะครั้งนี้ จัดว่าเป็น “การ Dogfight ครั้งแรกของประวัติศาสตร์การรบ” (แต่มี Funfact คือ นักบินทหารรับจ้างทั้งสองฝ่ายนั้นเป็น “ชาวอเมริกัน” ทั้งคู่ :V)
แล้วเมื่อโลกได้เข้าสู่ “มหาสงคราม” ในปี 1914 นั้น เครื่องบินนั้นก็ได้ถูกพัฒนาและเริ่มมามีบทบาททางการรบที่มากขึ้นกว่าเดิมและนั้นก็เริ่มมีแนวคิดที่ฝ่ายคู่ต่อสู้นั้นเริ่มมีความพยายามที่จะทำลายเครื่องบินสอดแนมของข้าศึก ซึ่งในช่วงนั้นจะมีแนวคิดหลักๆ คือ การใช้สิ่งของเล็กๆ ขวางปาใส่กัน การใช้ปืนพกหรือระเบิดขวาง หรือแม้แต่การใช้เชือกซึ่งมีความต้องการที่จะบ่วงใบพัดหรือส่วนของเครื่องบินให้เกิดความเสียหาย
แต่หากนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งแรกเริ่มต้นนั้น ในเดือนสิงหาคม 1914 หรือไม่เพียงหนึ่งเดือนนับจากสงคราม ในช่วงระหว่างการรบที่เขาเคอร์ (Battle of Cer 15 – 24 สิงหาคม 1914) นักบินกองทัพอากาศเซอร์เบียนามว่า มิโอดรัก ทอนิค (Miodrag Tomić) ได้ใช้ปืนพกรีโวลเวอร์ของเขานั้นพยายามสกัดกั้นเครื่องบินสอดแนมของออสเตรีย ฮังการีเหนือพื้นที่การรบ ซึ่งเป็น “การ Dogfight ครั้งแรกของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง” ในเวลาต่อมา ปิออตร์ เนสเตอร์รอฟ (Pyotr Nesterov) ชาวรัสเซียก็เป็นคนแรกที่ใช้วิธี “บินพุ่งชนกลางอากาศ” (Aerial ramming) ให้เครื่องบินอีกฝ่ายเสียหายได้เป็นครั้งแรก และเข้าสู่เดือนตุลาคมในปี 1914 ก็มีการบันทึกถึงการใช้ปืนพกยิงเครื่องบินตรงข้ามและสามารถทำให้เครื่องบินตกลงมาได้เที่เมืองแร็งส์ (Rheims) ในฝรั่งเศส ซึ่งนับว่าเป็นความเสียหายและเอาชนะเครื่องบินด้วยปืนครั้งแรกเช่นกัน ซึ่งในช่วงต่อมาจนปลายปี 1914 เป็นต้นมา บรรดาประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมสงครามก็ตระหนักถึงการปะทะเช่นนี้และเริ่มพัฒนาไปสู่การติดตั้งอาวุธให้เครื่องบินเพื่อใช้การเอาชนะฝ่ายตรงข้ามในที่สุด
ตั้งแต่ปี 1914 หรือปีเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งแรกนั้นการ Dogfight นั้น ก็มีผลสำคัญต่อบทบาทของเครื่องบินจากเดิมทีใช้เพียงแค่การสอดแนม ไปสู่การพัฒนาเป็น “เครื่องบินขับไล่” ซึ่งมีบทบาทในการ “ครองเวหา” อย่างแท้จริง และสิ่งนั้นก็เปลี่ยนโฉมหน้าของการรบของมนุษย์ไปตลอดกาลเลยทีเดียว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://www.britannica.com/topic/air-warfare
https://www.quora.com/Where-was-the-first-dogfight-fought https://spartacus-educational.com/FWWdogfights.htm https://en.wikipedia.org/wiki/Dogfight
เขียน และเรียบเรียงโดย : แอด Chairman แห่ง DEFNET History
รูปภาพโดย : DEFNET History [Art Work Unit]