ตั้งแต่1965 ที่เครื่อง Chengdu J-7 เข้าสู่การผลิตมาจนถึงปัจจุบันนี้ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนยังคงใช้งานเครื่องบินรุ่นนี้ที่มีต้นแบบมาจากเครื่องบินขับไล่แบบMig-21 อันมีชื่อเสียงในการรบในสงครามต่างๆของโซเวียต ในขณะที่คู่ต่อกรของเครื่องF-4 ของสหรัฐหรือต้นแบบอย่างMig-21 ก็ทยอยปลดประจำการจนเกือบหมดแล้ว
เครื่องบินJ-7 รุ่นล่าสุดคือ "J-7G" ยังมีการผลิตและพัฒนาออกมาจนถึงปี2558 ซึ่งช่วงแล้วเกือบ60ปีที่เครื่องต้นแบบอย่างMig-21 ขึ้นบินครั้งแรก และ4ปีก่อนทีจีนจะประจำการเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่ในชื่อ ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงจากเครื่องบินJ-8G ซึ่งมีปัจจุบันมีการปโดยปรับปรุงโครงสร้างเครื่องบินใหม่ให้มีส่วนประกอบเป็นโพลิเมอร์ ซึ่งมีน้ำหนักเบาแต่มีความทนทานแข็งแรงและลดค่าภาคตัดเรดาร์(RCS) เปลี่ยนห้องนักบินเป็นแบบ glass cockpit ทั้งหมด ระบบแสดงผลHUDที่ทันสมัย, คันบังคับ HOTAS, และหมวกนักบิน helmet mounted sights
เดิมทีจีนตั้งใจจะใช้กับเรดาร์ต้นแบบEL/M-2032 ของอิสราเอลมาติดตั้ง แต่ด้วขนาดหน้าเครื่องที่เล็กทำให้ต้องลดขนาดเรดาร์ลงทำให้ขีดความสามารถลดลงจากเดิมที่ต้นแบบสามารถตรวจจับได้ 150 กม.ลดลงไปถึประมาณ60กม.ในปัจจุบันมีการติดตั้งระบบเรดาร์ควบคุมการยิง แบบ KLJ-6F ระยะตรวจจับมากกว่า 86กม. จับเป้าหมายได้พร้อมกัน6เป้าหมายและล๊อคเป้าได้พร้อมกัน2เป้าหมาย ซึ่งสามารถทำการยิงจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางแบบPL-12ได้ ซึ่งมีพิสัยการยิงไกลมากกว่าAIM-120B เครื่องยังเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีภาคพื้นด้วย laser-guided bomb, GPS-guided bombs ทำให้เครื่องบิน J-7G มีขีดควาสามารถเหนือกว่าเครื่องบินขับไล่ยุคที่4บางรุ่นอย่างF-16A ต่อกรกับ F-16C หรือสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศในยุคหลัง2000ได้
ไม่ใช่แค่นั้น เครื่องJ-7G ยังมีค่าปฏิบัิตการการบินและการซ่อมบำรุงที่ไม่สูงมาก บวกกับขีดความสามารถที่ได้รับการปรับปรุงมากทำให้เครื่องบินที่มีออกมาเกือบ50ปี ยังคงเป็นเครื่องบินขับไล่ที่จีนยังคงใช้้งานอยู่แม้ว่าจะมีเครืื่องบินขับไล่แบบJ-10 หรือ FC-1(๋JF-17)ที่ใหม่ทันสมัยออกมาก็ตาม
ที่มา
https://militarywatchmagazine.com/article/china-s-j-7g-how-a-50-years-of-modernisation-brought-the-pla-a-deadly-fighter-for-the-21st-century?fbclid=IwAR1G0gyyO3-yZbqPZcgp9ylevGL9JrWi70Le_2TBCpdmDZk9ecrJxn2O8mw
แปล เขียนและเรียบเรียงโดย: ณภัทร ยลละออ
Comments