กองทัพเรือไทยจะเร่งดำเนินการแผนการซื้อเรือดำน้ำลำที่สองมูลค่า 12,000ล้านบาท จากประเทศจีน
ซึ่งในขณะนี้กำลังรอให้รัฐสภาอนุมัติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปีงบประมาณ 2563 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการพิจารณาในช่วงจัดทำงบประมาณนี้
โครงการจัดหาเรือดำน้ำครั้งนี้่เริ่มต้นขึ้นในรัฐบาล คสช. โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการในแผนของกองทัพเรือที่จะจัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำจากประเทศจีนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดหา 36,000 ล้านบาท โครงการดังกล่าวได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2559
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2560 คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดหาเรือดำน้ำชั้น S26T ลำแรกมูลค่า 13,500 ล้านบาทจากประเทศจีน ต่อมากองทัพเรือและ China Shipbuilding & Offshore International Co. (CSOC) ได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในประเทศจีนเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2560 และได้มีการตัดแผ่นเหล็กเรือไปเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ.2561
โดยกองทัพเรือมีงบประมาณผูกพันที่จะจ่ายในโครงการนี้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2560 ถึง พ.ศ.2566 ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบเรือดำน้ำลำแรกได้ในช่วงกลางปี พ.ศ.2566
กองทัพเรือกล่าวว่า ประเทศไทยต้องการเรือดำน้ำที่ทันสมัยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของน่านน้ำทะเลทั้งในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน
นอกจากนี้ กองทัพเรือยังมีแผนที่จะจัดหาเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ (Landing Platform Dock หรือ LPD) มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาทจากประเทศจีน เพื่อนำเข้ามาใช้ปฎิบัติงานควบคู่กับ เรือหลวงอ่างทอง
ซึ่งการจัดหาเรือ LPD ลำใหม่นี้มีการพูดถึงเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ จีนก็เคยเสนอเรือ LPD เข้ามาแข่งขันในโครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ แต่ทางกองทัพเรือในตอนนั้นได้เลือกแบบเรือ Endurance จากสิงคโปร์ มูลค่า 4,900 ล้านบาท
พูดคุยเพิ่มเติม
ส่วนของเรือดำน้ำ เข้าใจว่าราคาที่ลดลงจากเรือดำน้ำลำแรก อาจจะเป็นเพราะเรือดำน้ำลำแรกนั้นแน่นอนว่าต้องมีการปรับแบบปรับอะไรให้ตรงตามความต้องการของกองทัพเรือซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่พอมาลำที่สอง ซึ่งมีแบบเรือลำแรกเป็นต้นแบบอยู่แล้วทำให้งบประมาณส่วนนี้ถูกตัดออกไปทำให้มีการใช้งบประมาณลดลงเมื่อเทียบกับลำแรก
หลายคนคิดว่า การจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 ค่อนข้างเร็วไป เพราะลำแรกยังไม่รู้ประสิทธิภาพของเรือเลย ยิ่งเป็นของประเทศจีนด้วย แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน หากเรามีเรือดำน้ำแค่ลำเดียวและต้องรออีก 4-6 ปีกว่าเรือลำที่ 2 จะเสร็จ อาจจะมีผลกับการจัดกำลังรบและการใช้งานได้ ซึ่งคิดว่าทางกองทัพเรือน่าจะมองในมุมนี้ จึงเร่งพิจารณาเรือดำน้ำลำที่ 2 ภายในปีงบประมาณ 2563
ประเด็นที่อยากพูดจริงๆในข่าวนี้คือเรือ LPD ที่อยู่ๆก็ออกจีนเฉยๆเลย ซึ่งจะขอทำบทความ แยกออกไป นะครับ
ที่มา
Comments