S-350 ฉายา "Vityaz" ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะปานกลาง ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทนระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ S-300PS ที่มีระยะยิงในช่วง 75-200 กิโลเมตร และ Buk-M1-2 ที่มีระยะยิงในช่วง 25-45 กิโลเมตร ซึ่งมีการประกาศจากทางรัสเซียว่าจะนำระบบ S-350 เข้าประจำการภายในปี 2019 นี้
ทีมวิจัยและพัฒนาได้เปิดเผยถึง Project Vityaz ครั้งแรกช่วงปี 2007 และต่อมาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระบบป้องกันภัยทางของเกาหลีด้วย ภายใต้ชื่อโครงการพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ KM-SAM ที่กองทัพเกาหลีใต้ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง S-350 ของรัสเซีย และ KM-SAM นั้นจึงถือได้ว่าเป็นระบบป้องกันเป็นทางอากาศที่มีความคล้ายคลึงกันสูงมากเลยทีเดียวเพราะ KM-SAM นั้นถูกพัฒนามาบนพื้นฐานของ S-350 นั่นเอง
ในปี 2011 ได้มีการทดสอบลูกจรวดแบบ 9M100 และ 9M96 ซึ่งผลการทดสอบนั้นล้มเหลว โดยเป็นการล้มเหลวในส่วนของระบบนำวิถีที่ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้มีการปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งในปี 2012 จนสุดท้ายได้มีการสร้างตัวระบบ S-350 รุ่นทดลองสำหรับการทดสอบแบบเต็มระบบขึ้นมาจนสำเร็จโดยได้มีการวางแผนการทดสอบในปี 2013
แต่ด้วยปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้สุดท้ายแล้ว S-350 นั้นกว่าจะการทำกาทดสอบจนเสร็จสมบูรณ์ก็มาสำเร็จในช่วงปี 2018 ที่ผ่านมา โดยการทำการทดสอบที่ Kapustin Yar Test Site ซึ่งเป็นสนามทดสอบอาวุธที่อยู่ทางตะวันตกของรัสเซีย
ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ S-350 "Vityaz" 1 ระบบประกอบด้วย
1.รถฐานยิงแบบ 50P6A รองรับท่อยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานจำนวน 12 ท่อยิง จำนวน 1-8 คัน
2.รถติดตั้งระบบเรดาร์ Multifunction PESA (Passive Electronically Scanned Array )แบบ 50N6A จำนวน 1 คัน
3.รถควบคุมและสั่งการแบบ 50K6A
โดยลูกจรวดต่อต้านอากาศยานที่สามารถทำการติดตั้งไปกับ S-350 นั้นมีอยู่ 3 แบบด้วยกันซึ่งแยกตามระยะยิง
1. จรวดต่อสู้อากาศยานแบบ 9M100 ระยะยิง ไกลสุด 10 กิโลเมตร
2. จรวดต่อสู้อากาศยานแบบ 9M96E ระยะยิงไกลสุด 60 กิโลเมตร หรืออีกชื่อเรียกสำหรับรุ่นใช้งานทางทะเลคือ Redut ซึ่งปัจจุบันติดตั้งอยู่บนเรือฟริเกตรุ่นล่าสุดของกองทัพเรือรัสเซียอย่าง Admiral Gorshkov class Frigate
3. จรวดต่อสู้อากาศยานแบบ 9M96E2 ระยะยิงไกลสุด 120 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดมัค 5 (5 เท่าของความเร็วเสียง) ซึ่งจรวดตัวนี้นั้นเป็นระบบนำวิถีแบบ ARH (Active Radar Homing) ซึ่งหมายถึงว่าไม่จำเป็นต้องชี้เป้าให้กับลูกจรวดตลอดเวลา เพราะลูกจรวดสามารถนำวิถีด้วยหัวรบของตัวเองได้เลย และลูกจรวดรุ่นนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ S-400 Triumph ได้เช่นกัน
โดยตามกำหนดการของกองทัพรัสเซียนั้นจะมีการรับมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ S-350 จำนวน 30 ระบบภายในปี 2020 ซึ่งในปี 2011 ผู้บัญชาการกองทัพอากาศรัสเซียได้กล่าวไว้ระบบ S-350 จะทำให้หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมาก เมื่อเทียบกับแต่ก่อนที่ต้องใช้ S-300 ถึง 3 ฐานยิงในการยิงจรวดต่อต้านอากาศยานจำนวน 12 ลูก แต่ S-350 สามารถทำแบบเดียวกันได้ด้วยรถฐานยิงเพียงคันเดียว
แหล่งข้อมูลและข่าว :
1. https://www.ruaviation.com/news/2013/2/11/1513/?h
2. https://www.armyrecognition.com/russia_russian_missile_system_vehicle_uk/s-350e_s-350_vityaz_50r6_air_defense_missile_data_pictures.html
เขียน และเรียบเรียงโดย : ปฏิภาณ นิกูลกาญจน์
Comments