จากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียต่อต้านการโจมตีและมีบางส่วนถูกทำลายไป มันจึงทำให้เกิดคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับ S-300 ของซีเรียที่ได้รับมอบจากรัสเซีย ทำไมถึงไม่ยิงเครื่องบินรบอิสราเอล?
ในช่วงปลายเดือนกันยายน รัสเซียประกาศว่าจะให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PMU2 Favorit แก่รัฐบาลซีเรียเนื่องจากเหตุการณ์ที่เครื่องบินลาดตระเวนแบบ Il-20 ของรัสเซีย ถูกจรวดนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-200 ของซีเรียยิงตกโดยความเข้าใจผิดว่าเป็นเครื่องบินรบของอิสราเอลที่เข้ามาโจมตีคาดว่าจะได้รับจำนวน 1 กองพัน ซึ่งประกอบด้วย
รถยิง จำนวน 4-12 คัน
รถเติมจรวด จำนวน 2-4 คัน
รถเรดาร์ จำนวน 2-4 คัน
รถบัญชาการ จำนวน 1 คัน
รถตรวจการณ์ จำนวน 2-3 คัน
ขีดวามสามารถของ S-300PMU2 Favorit คือการมีระยะยิงเครื่องบินครอบคลุมตั้งแต่ 3 กิโลเมตรไปจนถึง 200 กิโลเมตร เพดานบินตั้งแต่10เมตร จนกึง 27 กิโลเมตร สามารถจัดการขีปนาวุธพิสัยสั้นและพิสัยกลางได้ที่ระยะ 5 กิโลเมตร ถึง 40 กิโลเมตร ความสูงตั้งแต่2กิโลเมตร จนถึง 25 กิโลเมตร ด้วยจรวดแบบต่างๆ ยกตัวอย่างจรวดที่มีขีดความสามารถยิงไกลที่สุดของรุ่นคือ 48N6E2 ที่มีระยะยิง 195 กิโลเมตร นำวิถีด้วยระบบ Track-Via-Missile (TVM) เป็นการผสมระหว่างการนำวิถีแบบ Semi-Active Radar Homing (SARH) และตัวระบบ S-300PMU2 ยังมี Command Guidance Homing ช่วยให้สามารถต่อตีเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แล้วทำไมถึงไม่ยิงละ? การที่ซีเรียไม่ใช้ S-300PMU2 อาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ซีเรียยังไม่ได้รับการฝึกฝนหรือไม่?
ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่ใช้ทวิตเตอร์ภายใต้ชื่อ Tom Cat (@TomTheBasedCat) ทวิตข้อความ เมื่อ 13 มกราคมที่ผ่านมา กล่าวว่า
"ไม่ใช่ S-300 ไม่มีประสิทธิภาพ แต่การป้องกันทางอากาศของซีเรียนั้นมีจุดประสงค์คือการสกัดกั้นอาวุธปล่อยนำวิถีส่วนใหญ่เพื่อลดความเสี่ยงต่อพลเรือนในแถบชานเมืองโดยรอบ S-300 นั้นมีไว้สำหรับ Theatre Defense ไม่ใช่สำหรับ Point Defense เช่นการโจมตีคืนนี้ [11 มกราคม2562] และครั้งก่อนหน้านี้ ในการวิเคราะห์ครั้งนี้ ใช้ S-300 เพราะมันไม่ใช่ระบบที่เหมาะสมที่จะหยุดการคุกคามที่เกี่ยวข้อง เกมจะเปลี่ยนแปลงเมื่อ S-300 เคลื่อนไปทางใต้ของประเทศเพราะจริง ๆ แล้วพวกเขาสามารถติดตามและกำหนดเป้าหมายเครื่องบินไอพ่นได้”
อย่างไรก็มีรายงานว่ามีการยิง S-200และระบบป้องกันภัยทางอากาศ สกัดกั้น F-16i Sufa อิสราเอลที่กลับมาจากการโจมตีทางอากาศ ในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมาและตกในภาคเหนือของอิสราเอล
มีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นคาดการณ์ว่าซีเรียยังไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ซึ่งอาจจะพร้อมในการใช้งานในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มีความคิดเห็นในโซเชียลเช่นว่า ถ้า S-300 ยังไม่มีประสิทธิภาพหรือยังไม่ได้ถูกใช้งานตามแผนที่วางไว้มันจะเป็นเรื่องลำบากในการป้องกันประเทศของซีเรียและพันธมิตรรัสเซีย บางส่วนก็มีความภาคภูมิใจในการจัดหาระบบ S-300 เพื่อช่วยยับยั้งการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
TASS รายงานว่าเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ซีเรียสามารถสกัดอาวุธปล่อยนำวิถีเจ็ดลูกของอิสราเอลที่ยิงเข้ามาโจมตีฐานที่มั่นที่คาดว่าเป็นฐานที่มั่นของอิหร่าน จุดที่นี่คือการแสดงให้เห็นว่าระบบ Buk และ Pantsir S-1 สามารถใช้งานในการป้องกันทางอากาศแบบ Point Defense ได้เหมาะสม แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ถูกทำลายในการโจมตีของอิสราเอลไม่กี่วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามคำถามเกี่ยวกับ S-300 ก็ยังคงอยู่ว่า เมื่อมันถูกนำไปใช้มันจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมจริงๆหรือ? เพราะมีรายงานว่าในปี 2558 และปี 2561 อิสราเอลได้มีนำอากาศยานไปฝึกกับระบบ S-300 ของกรีซเพื่อเรียนรู้และหาจุดอ่อนของระบบ
ที่มา :
https://m.jpost.com/Arab-Israeli-Conflict/Why-hasnt-Syria-used-the-S-300-578172/amp?fbclid=IwAR3vJSSdmk0GBY1zjYRaOEGxv_COI7E6htJf-MsDzRUzXNCXxazfpsdi1cM
แปล เขียนและเรียบเรียงโดย : ณภัทร ยลละออ
תגובות